ผจญภัยสายลับใต้พิภพ ดูหนังออนไลน์ฟรี หนังเต็มเรื่อง HD

ผจญภัยสายลับใต้พิภพ

ผจญภัยสายลับใต้พิภพ เรื่องราวความพิศวงรวมทั้งการเสี่ยงอันตรายที่น่าคลั่งไคล้เกี่ยวกับการเดินทางของ อาร์ทิมิส ฟาวล์ เด็กผู้ชายวัย 12 ปี ผู้สืบใส่เชื้อสายของอาญชามือผู้มีปัญญาหลักแหลม เขาจะต้องออกค้นหาบิดาของเขาที่ได้ล่องหนไปอย่างปัญหา รวมทั้งด้วยการเกื้อกูลจากพ่อบ้านผู้จงรักภักดี อาร์ทิมิส ก็เลยจำต้องออกทำภารกิจหาบิดา เขาได้ศึกษาและทำการค้นพบเมืองโบราณใต้ดิน โลกที่เทพธิดาที่มีอารยธรรมระดับสูงแล้วก็น่ามหัศจรรย์ การล่องหนไปของบิดาของเขานั้นมีส่วนเกี่ยวข้องบางสิ่งบางอย่างกับโลกลึกลับของนางสวรรค์ที่นี้ และก็ด้วยความฉลาดปนคดโกงของเขา อาร์ทิมิส ก็เลยจำต้องกำหนดแผนการที่อันตราย โดยมีความช่วยเหลือเกื้อกูลจากเพื่อนต่างโลก

แม้กระนั้นหารู้ไม่ว่าความอันตรายครั้งใหญ่กำลังใกล้เข้ามา ในส่งครามที่สติปัญญาที่เต็มไปด้วยเหล่าเทพธิดาที่อันตรายแล้วก็ทรงอำนาจ สิ่งที่ทำให้ Artemis Fowl ไปไม่ถึงความหวังที่ผมคิดไว้เป็น หนังเลือกจะเล่าเพียงแค่ส่วนที่เป็นเสมือนภาคต้น ตอนอินโทรแค่นั้น มีการทิ้งเงื่อนปัญหาของตัวร้ายไว้ แม้กระนั้นก็มิได้นำพาไปสู่อะไรใหม่ๆซึ่งหากจะเปิดตัวมาเพียงนี้ เรียกว่าราวกับเป็นซีรีส์ช่วงแรกตอนเดียวดีมากยิ่งกว่า เนื่องจากหนังเพียงแค่พาพวกเราไปตรวจโลกของนิยายประเด็นนี้ แต่ว่ายังมิได้เผชิญภัยอะไรมุ่งมั่นด้วย

โดยรวม Artemis Fowl เป็นหนังที่น่าผิดหวังสำหรับผมนะ แม้กระทั้งฉากในแบบอย่างหนังที่มองน่าระทึกใจ ก็ตัดมาส่วนหนึ่งส่วนใดจากตอนสุดท้ายด้วยไป ทำให้มีความรู้สึกว่าหนังยังแทบมิได้เล่าอะไรเป็นชิ้นเป็นอันด้วย นอกเหนือจากเปิดโลกแฟนตาซีของจักรวาลหนังหัวข้อนี้ให้มองเฉยๆซึ่งในเรื่องอื่นก็มีให้มองเห็นกันดาษดื่น เรียกว่าหากต้องการมองจริงๆก็บางทีอาจจะพอสมควรเพลิดเพลินๆได้ครับผม ดู หนังออนไลน์ 2022 สำหรับคนชอบดูหนังแฟนตาซี เนื่องจากหนังมันมิได้ห่วยขนาดที่จำต้องรีบปิดหรือน่ารำคาญอะไรขนาดนั้น เพียงแต่พวกเราบางครั้งก็อาจจะทายใจทางหนังได้เกือบจะตลอดทางครับผม (หากมองดูเป็นหนังเด็ก ก็คงจะได้อยู่)

 

ผจญภัยสายลับใต้พิภพ

ดูหนังออนไลน์  ผจญภัยสายลับใต้พิภพ

The Flash เดอะแฟลช ถึงพวกเราจะเข้าใจกันอยู่ว่า..นี่เป็นผลิตผลที่ยังคงเหลือจากบริษัทผลิตภาพยนตร์ดีซีสมัยที่แล้ว รวมทั้งนี่บางครั้งอาจจะเป็นจังหวะด้านหลังๆที่พวกเราได้ประทับใจกับบรรยากาศแล้วก็แคสติ้งชุดนี้ในฐานะ จัสติส ลีก แล้ว รวมทั้งนี่ก็คือการมาฉายโดดเดี่ยวกับเขาบ้างของ “The Flash” วีรบุรุษผู้คล่องแคล่วรวมทั้งจัดได้ว่าเป็นตัวลักขโมยซีนของจักรวาลนี้ที่ปูทางมาในตอนนับเป็นเวลาหลายปี แล้วหนังคนเดียวของเขาจะสร้างความตรึงใจได้มากแค่ไหนกัน The Flash กล่าวถึงเรื่องราวของ กางร์รี ที่ใช้พลังเหนือธรรมชาติของเขาย้อนเวลากลับไปเพื่อเปลี่ยนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้ว แต่ว่าความมานะบากบั่นสำหรับเพื่อการช่วยเหลือครอบครัวของเขา ทำให้อนาคตเปลี่ยนไปโดยนึกไม่ถึง

กางร์รีติดอยู่ตามความจริงใหม่นายพลซอด กลับมาอีกที เพื่อล้างบ้างทุกอย่างมีชีวิต และไม่มีซูเปอร์วีรบุรุษใครกันแน่เลยที่จะก้าวเข้ามายับยั้งได้ นอกเสียงจากว่ากางร์รีจะสามารถโน้มน้าวให้กางทแมนที่ปลดเกษียณตนเองไปแล้วกลับมา แล้วก็ช่วยเหลือชาวคริปโตเนียนจากการเช็ดกคุมขังมาได้…โดยที่เขาไม่เคยทราบว่านั่นไม่ใช่ผู้ที่เขากำลังตามหา ในที่สุดแล้ว เพื่อปกป้องรักษาโลกที่เขาอยู่ และก็กลับไปยังอนาคตที่เขารู้จัก ความมุ่งมาดเดียวของกางร์รีก็คือการวิ่งให้สุดชีวิต แม้กระนั้นการเสียสละหนสุดท้ายของเขามันจะพอเพียงเพื่อย้อนคืนทั้งยังจักรวาลหรือเปล่า?สำหรับ The Flash น่าจะเป็นหนังของดีซีที่พวกเราชอบได้ยินข่าวอยู่เรื่อยอีกทั้งข่าวสารในทางอีสเตอร์เอ้กต่างๆกับข่าวสารด้านเสียๆหายๆชองดารานำ

แต่ว่าหนังหัวข้อนี้จัดได้ว่าเป็นเลิศในหนังที่มีการลงทุนออกจะสูงกาลครั้งหนึ่งของสตูดิโอ  ผจญภัยสายลับใต้พิภพ  เพราะเหตุว่าได้ยินว่ามีการเปลี่ยนแปลงปรับแต่งรวมทั้งรื้อถอนถ่ายใหม่เพิ่มอีกเข้าไปด้วย ถึงจะกล่าวว่าใช้งบประมาณไปประมาณ200 ล้านเหรียญ แม้กระนั้นบางศูนย์ข่าวก็กล่าวถึงว่าคงจะใช้มากยิ่งกว่านั้น บางครั้งก็อาจจะสัมผัสถึงหลัก 400 ล้านเหรียญ เลยก็ว่าได้“แอนเดรส มัสเชียว่ากล่าว” มารับหน้าควบคุมหนังประเด็นนี้ ซึ่งเป็นการควบคุมหนังซูเปอร์วีรบุรุษแล้วก็หนังฟอร์มใหญ่ยักษ์ทุนโอฬารเรื่องราวของเขาด้วย

แต่ว่าก็แอบเสียดายหน่อยเดียวที่งานควบคุมหนังหัวข้อนี้ของเขากลับยังไม่ใช่ผลงานที่ได้ได้โอกาสโชว์ความสามารถได้อย่างเด่น เห็นได้ชัดว่าเขาเพียงแค่มาเป็นรับหน้าที่ น้อยมากที่จะสัมผัสได้ถึงวิสัยทัศน์ที่ไม่เหมือนกันกับระบบนักลงทุนที่เข้ามาข้องแวะกับหนังประเด็นนี้เป็นส่วนมาก ทุกสิ่งทุกอย่างโดนจับใส่เข้ามาอย่างเป็นจังหวะๆตั้งมั่นจะมีผลให้ผู้ชมเซอร์ไพรส์เหลือเกิน จนถึงมิได้รู้สึกเซอร์ไพรส์เท่าไรนัก แม้กระนั้นขั้นต่ำๆก็ยังดีที่ได้บทหนังของมือเขียนบทลำดับต้นๆของแวดวงช่วงนี้ อย่าง “คริสติเตียนที่นา ฮอดสัน” มาช่วยประคองเอาไว้

ท่ามกลางทางที่ท้ารวมทั้งวุ่นพอได้ ก็เป็นไปตามที่ลือๆกันว่าหนังจับรายละเอียดนิดหน่อยมาจากฉบับคอมิก Flashpoint มาเล่นด้วย โน่นก็เลยเป็นเหตุที่ทำให้หนังยังมีกลิ่นความเป็นการ์ตูนผสมปนเปอยู่หน่อย แม้กระนั้นมิติที่ทับซ้อนและก็สลับซับซ้อนของหนังหัวข้อนี้ก็ทำเป็นเพียงแค่เกือบจะ แต่ว่ายังไม่ถึงระดับเพอร์เฟ็คอะไรก็แล้วแต่บางครั้งก็อาจจะจำเป็นต้องกล่าวว่าหากคุณเป็นแฟนคลับผู้แสดงวีรบุรุษหรือดีซี The Flash น่าจะเป็นหนังที่เพลินใจก้าวหน้าสำหรับคุณในระดับหนึ่งเลย แต่ว่าแม้ว่าคนไหนที่มิได้มีพื้นฐานหรือพึ่งมานั่งทำความรู้จักในในขณะนี้ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีบางมุมที่รู้สึกฉุกคิดแล้วก็ยังไม่รู้เรื่องกับแนวคิดด้านๆเกี่ยวกับการเดินทางผ่านเวลา แล้วก็ผ่านพหุจักรวาล ที่ยังไม่ค่อยได้รับการชี้แจงที่จัดการสักเท่าไหร่ แต่ว่าโน่นก็ไม่ใช่จุดที่มาบ่อนทำลายความสนุกสนานของตนเองอะไรเท่าใดนัก

 

ผจญภัยสายลับใต้พิภพ

The Roundup: No Way Out บู๊ระห่ำล่าล้างเมืองนรก ตีแดนนรกแตก

ถ้าหากย้อนกลับไปในขณะเดียวกันนี้เมื่อปีที่ผ่านมา พวกเราก็ได้ลุ้นสนุกหนำใจสุดๆกับ The Roundup แล้วเพียงพอผ่านผ่านพ้นมา 1 ปีเต็ม ตำรวจสปายหมัดโหดเหี้ยมเขาก็กลับมาอีกรอบ..เวลาเดิมอีกรอบกับหนังภาคใหม่ “The Roundup: No Way Out บู๊ระห่ำล่าล้างแดนนรก ตีแดนนรกแตก” ที่ตอนนี้มันได้แปลงเป็นอีกหนึ่งจักรวาลหนังแอคชั่นคละเคล้าฮาอันมีคุณค่าของแวดวงหนังประเทศเกาหลีไปแล้ว แล้วก็ดูเหมือนกับว่าจะยังขยายแล้วก็สืบต่อออกไปได้กว้างไม่ธรรมดา สำหรับใน The Roundup: No Way Out บู๊ระห่ำล่าล้างเมืองนรก ตีเมืองนรกแตก ภาคนี้ยังคงจุดโฟกัสที่สายลับคนสนิท มาซอกโด ได้มาร่วมกลุ่มกับหน่วยปฏิบัติงานสอบสวนใหม่ ที่มี จองแทซู รับหน้าที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม

พวกเขาจะต้องเจอหน้ากับศัตรูใหม่ที่มีอิทธิพล อย่าง จูซองชอล  ผจญภัยสายลับใต้พิภพ  ลูกชายผู้สืบสกุลมหาเศรษฐีที่เลื่องลือไปทั่วทั้งเมือง และยังมีกรุ๊ปกลุ่มยากูซาเข้ามาพันพัวเกี่ยวข้องกับคดีใหม่ที่เขาจะต้องสะสางอีกด้วย และก็แน่ๆว่าภาคนี้ ผู้กำกับคนเดิม “อีซางยง” ก็ยังคงกลับมารับหน้าที่อีกเหมือนปกติ แล้วก็ดูอย่างกับว่าหนังก็ปฏิบัติงานสร้างออกจะเร็ว โดยที่ไม่ต้องปรับจูนอะไรมากมาย เนื่องจากคณะทำงานรวมทั้งผู้แสดงนำฝ่ายก็ยังคงเป็นที่รู้จักสำหรับเพื่อการทำงานร่วมกันอยู่แล้ว รวมทั้งนี่ก็เลยเปลี่ยนเป็นอีกหนึ่งในความแข็งแกร่งมากมายๆของหนังชุดนี้ ที่มันได้เป็นจักรวาลหนังประเทศเกาหลีที่อยู่แถวหน้าของแวดวงในตอนนี้ไปเป็นระเบียบแล้ว และก็พวกเราเชื่ออย่างยิ่งว่า คงจะได้โอกาสได้มองเห็นภาค 4-5-6 ถัดไปอีกเรื่อย

แม้กระทั่งบอกตามหลักแบบขวานผ่าซากนั้น The Roundup: No Way Out ก็เต็มด้วยแพ็คเกจสูตรสำเร็จแบบเดิมๆเกือบจะไม่แตกต่างจากภาคที่แล้วสักเท่าไหร่ จังหวะรวมทั้งท่าทางคล้ายคลึงกัน แค่เพียงเค้าเรื่องแล้วก็ภารกิจที่เปลี่ยนไปเพียงแค่นั้น บทหนังก็แทบไม่มีอะไรเลย เน้นย้ำความเด่นอยู่ที่สายซอกโดด้วยพลังอันทรงเสน่ห์แล้วก็ใหญ่โตของเขา เป็นนับว่าเป็นไฮไลต์แล้วก็จุดขายที่เด่นที่สุดของหนังชุดนี้อยู่แล้ว ในด้านของความสดใหม่นั้น หนังบางทีก็อาจจะหาไม่ค่อยได้มาก แต่จะต้องชูความดีความชอบให้กับความเพลิดเพลิน ที่หนังมอบอรรถรสได้อย่างอัดแน่น บอกได้เลยว่าตลอดเวลาชั่วโมงกว่าๆของหนังประเด็นนี้ เกือบจะไม่มีซีนไหนที่น่ารำคาญเลย

เพราะว่าหนังถูกร้อยเรียงมาด้วยความสนุกสนานที่ตอบปัญหาคนดูและแฟนหนังอย่างดีเยี่ยม พวกเขาทราบดีว่าผู้ชมอยากอะไร ต้องการมองเห็นซีนแอคชั่นแบบไหน และก็มันก็ยังสนุกสม่ำเสมอได้แก่เดิมมาดงซอก ก็ยังคงขับเสน่ห์และก็สร้างค้างแรกเตอร์นี้ออกมาในลักษณะของเขา ที่ตอนนี้มันเข้าไปเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของภาพลักษณ์ของเขาไปเสียแล้ว ถึงแม้ว่าหน้าที่การแสดงของเขาจะบ่อยๆเดิมๆแม้กระนั้นมันยังคงเป็นตัวละครที่ยังขายได้รวมทั้งผู้ชมก็ยังซื้อ ต้องการจะมองเห็นเขาในลีลาท่าทางการแสดงและก็หน้าที่ตลกขบขันหน้าเฉยอะไรแบบงี้ และก็ยังบู๊ดีเดือดได้จัดจ้า ซึ่งในภาคนี้เขาก็รับหน้าที่เพิ่มหลายๆอย่าง หนึ่งในนั้นก็เป็นผู้ผลิตร่วม

ดาราหนังสมทบที่เข้ามาเสริมกองทัพให้ภาคใหม่นี้ ได้ผู้แสดงนำชายชายหนุ่ม “อีจุนฮยอก” ที่พวกเราชอบมองเห็นเขาเล่นบทคนดีอยู่ในซีรีส์ประเทศเกาหลีอยู่เรื่อยแม้กระนั้นมากลับติดอยู่แรกเตอร์แบบหยาบช้าเต็มขั้นในหัวข้อนี้ ก็นับว่าเป็นความท้าของเขาอยู่ไม่น้อย แม้การเป็นคนชั่วในฉบับที่เขาแปลความหมายออกมานั้น บางครั้งก็อาจจะมองแข็งทื่อและไม่เป็นธรรมชาติไปหน่อย แม้กระนั้นอย่างต่ำๆเขาก็บากบั่นสื่อออกมาอีกทั้งแววตารวมทั้งใบหน้า เพียงภาพเป็นคนดีของเขายังคงติดอยู่หน่อยๆ

 

ผจญภัยสายลับใต้พิภพ

Transformers: Rise of the Beasts

ดูราวกับว่าเฟรนไชส์หนังประเด็นนี้จะยังไม่ยินยอมตายรวมทั้งจบลงไปกล้วยๆถึงแม้ก่อนหน้าที่ผ่านมามันจะค่อนข้างจะทิ้งไว้ด้วยทางที่สกปรกน่าดูไม่น้อย แม้กระนั้นการกลับมาคราวนี้จะเป็นความหวังครั้งใหม่ได้ไหม เนื่องจากว่านี่เป็น “Transformers: Rise of the Beasts ทรานส์ฟอร์เมอร์ส: เกิดจักรกลอสุรี” ที่ยังจัดได้ว่าเป็นหนังฉบับรีบูตแล้วก็เป็นภาคต่อจากหนังเรื่องที่แล้ว ยังคงเป็นภาคย้อนเวลากลับไปอยู่ แม้ว่าจะออกจะขยาด…แต่มาอีกยังไหวอยู่อีกหรือ? Transformers: Rise of the Beasts ในเวอร์ชั่นเป็นการเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในปี 1994 กับการเสี่ยงอันตรายแล้วก็ต่อสู้ครั้งสำคัญของเหล่าสมาชิกจักรกล ออโตบอตส์ ที่พวกเขาต้องหาวิถีทางสำหรับในการกลับดวงดาวของตน

ซึ่งโน่นทำให้จะต้องมาประสานมือผนึกกำลังกับเหล่าจักรกลเผ่าใหม่ที่ชื่อว่า ผจญภัยสายลับใต้พิภพ   แม็กซิมอลส์ บนโลกมนุษย์ ท่ามกลางวิกฤติการณ์ที่ยังถูกพวกดิเซปตำหนิคอนส์มานะรุกราน หาวิธีกลืนรับประทานดวงต่างๆไปทั่วกาแลกเปลี่ยนซีคงจะจำต้องยอมรับตามจริงกับคุณนักอ่านทุกคนเลยว่า สำหรับหนังชุด Transformers นั้น ทางพวกเราออกอาการเทไปรวมทั้งเลิกมองไปครู่หนึ่งใหญ่ๆคงจะนับจากภาคที่ 2 เลยด้วย (ซึ่งคิดออกลางๆว่าทนมองได้ไม่จบ) ถึงแม้ว่าต่อจากนั้นมันจะยังคงถูกทำออกมาเป็นภาคที่ 3-4-5 เป็นลำดับ แม้กระนั้นก็มิได้ติดตามหรือพึงพอใจเฟรนไชส์หนังประเด็นนี้ต่อ จะมีก็แค่กลับมามอง “Bumblebee” เมื่อไม่กี่ปีกลาย เพราะว่ามีความเห็นว่าเป็นภาคต้นรวมทั้งมีความเป็นภาคแยก

และก็เมื่อได้ได้โอกาสกลับมาเปิดใจมองต่อในภาคนี้ น่าจะจะต้องใช้ว่า เฟสเขียว 3 บรรทัด เซอร์ไพรส์อยู่เช่นเดียวกัน เนื่องจาก Transformers: Rise of the Beasts เปลี่ยนเป็นฉบับปรับแก้ใหม่ที่จัดว่าหลายๆอย่างลงร่องลงรอยเพิ่มขึ้น เทียบได้กับเสน่ห์ที่เคยสัมผัสได้ตั้งแต่หนังภาคแรกที่สร้างประสบการณ์ดูหนังที่ตื่นตาตื่นใจได้เรื่องหนึ่งอย่างยิ่งจริงๆ จัดว่าส่วนประกอบบางอย่างของหนังชุดนี้ได้ถูกจัดระบบขึ้นให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น เป็นจะว่าไป Transformers: Rise of the Beasts ก็แทบไม่มีอะไรที่แปลกใหม่สักเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพล็อตหนังกับพล็อตเรื่อง ที่ก็ยังคงวนๆซ้ำเดิมอยู่กับภารกิจตามหาอะไรสักอย่างอยู่อย่างเคย มันยังคงใช้ความเป็นสูตรสำเร็จเข้ามาแต่งรวมทั้งเดินเรื่องไปอย่างซ้ำๆซากๆ

แต่ว่าจุดที่ไม่เหมือนกันกับเดิมของหนังชุดนี้  ผจญภัยสายลับใต้พิภพ  ก็คงเป็นการกล่าวร้ายมนุษย์เข้ามามากขึ้นในหนัง ทำให้เติมแต่งความรู้สึกนึกคิดให้กับตัวหนังได้มากขึ้น มิได้รู้สึกแข็งทื่อแบบจักรกลล้วนๆต้นแบบ “ไมเคิล เบย์” สร้างเอาไว้หลายต่อหลายภาคภาคนี้ใช้กลุ่มเขียนบทหนังออกจะอัดแน่นทีเดียว อีกทั้งผู้เขียนคนใหม่และก็ยอดความสามารถมาช่วยเหลือกัน โดยได้คู่หูคนเขียนบทจากหนังดัง อย่าง Red ทั้งคู่ภาค รวมทั้งได้ “โจบี้ ฮาโรลด์” จากหนัง John Wick: Chapter 3 มาช่วยตบๆให้เข้าที่เข้าทาง ทำให้เปลี่ยนออกมาเป็นบทสูตรสำเร็จแบบหนังซัมเมอร์ฮอลลิวูด

แม้กระนั้นยังซ่อนเร้นไปได้กิมไม่กที่มีหัวหัวใจรวมทั้งความอุตสาหะสร้างโมเมนต์โอคอนิกต่างๆที่พอเพียงจะเซอร์วิสแฟนหนังได้ในระดับที่ดี ภาคนี้สลับตัวมาทดลองใช้ผู้กำกับดาวรุ่ง “สตีเว่น ติดอยู่เปิล จูเนียร์” ที่เคยวาดลวดลายออกจะดีงามใน Creed II มาก่อน จะต้องจัดว่าเขาเข้ามาช่วยละเลงหนังประเด็นนี้ให้ได้ออกมาในระดับที่ถูกใจ บางครั้งอาจจะมิได้ย้ำการปะทุเทือกเขาเผากระต๊อบ แบบที่คนก่อนเคยปูทางเอาไว้ แม้กระนั้นจังหวะงานแอคชั่นของเขาก็จัดว่ากำลังอร่อยใช้ได้พอได้ แล้วยังฝึกฝนใส่จังหวะดนตรีดราม่าเบาๆเข้ามาเสริมเป็นไซต์สตอปรี่อยู่เสมอ ทำให้รสของหนังที่เต็มไปด้วยจักรกลแข็งทื่อๆมองละมุนเพิ่มขึ้นแบบสัมผัสได้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *